สวัสดีค่ะ Promotion สำหรับเดือนนี้ ซื้อ MASSIMO สบู่กาแฟสครับบำรุงผิว 5 ก้อน แถม ฟรี 1 ก้อน แถมฟรีค่าจัดส่งด้วยค่ะ รวม 6 ก้อน ในราคาเพียง 745 บาท เท่านั้นค่ะ !!!

เกี่ยวกับ MASSIMO

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ผู้เขียนชื่อ นางสาวกิตติยา วรตระกูลกิจ ชื่อเล่น น้ำหอม อายุ 45 ปี สถานภาพโสด ปัจจุบัน ทำอาชีพ เป็นครูสอนโยคะ และทำผลิตภัณฑ์ สบู่กาแฟสครับบำรุงผิว แบรนด์ MASSIMO ตัวนี้อยู่ค่ะ 
เริ่มแรกก่อนจะมาเป็น สบู่กาแฟสครับบำรุงผิวแบรนด์ มัสซิโม ที่ผู้เขียนกำลังจะเล่าให้ฟังนี้นะคะ 
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อช่วงต้นปี 2563 ช่วงที่โรคไวรัสโควิด 19 กำลังระบาดเข้ามาแรก ๆ และได้มีการล็อกดาวประเทศด้วย บังเอิญช่วงนั้นผู้เขียน ก็กำลังว่างงานพอดี เพราะเพิ่งออกจากงานประจำ แล้วก็มาเจอกับโควิดอีก ช่วงนั้นไม่ได้ทำอะไร จึงนำสินค้าจากจีนมาขายออนไลน์ในหมู่บ้าน เครือแสนสิริ เพราะช่วงนั้นจะมีการขายอาหาร ขายสินค้ากันในกลุ่ม line หมู่บ้าน ผู้เขียนจึงขายสินค้าของใช้ในบ้านที่จำเป็น ช่วงแรกก็ขายดี แต่ตอนหลังสินค้าไม่มีคุณภาพก็เลยเลิกขาย และเห็นว่าใน shopee lazada ก็มีการขายตัดราคาแข่งขันกันในราคาต้นทุน แม่ค้าคนกลางหรือแม่ค้าขายส่งนำสินค้ามาขายเอง ดังนั้นผู้เขียนจึงเลิกขาย ก็เลยลองเย็บแมสขาย แต่ตอนหลังก็ราคาตก จึงเลิกขายไป ช่วงนั้นประมาณปลายปี เดือนกันยายน เริ่มเบื่อกับสภาวะปัญหาโรคระบาดโควิด 19 ที่ต้องอยู่บ้านนานนาน  จนเบื่อ จึงไปเรียนทำสบู่ พอไปเรียนทำสบู่แล้วรู้สึกว่าเราชอบมาก เราได้ทดลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต ทำเพลินๆ เป็นงานอดิเรกเลยและย้ายไปอยู่บ้านเพื่อนที่นครปฐม เพื่อฝึกทำและทดลองสูตรหลายๆสูตร เพราะเราชอบทดลองโน่น นี่ นั่น ผู้สอนแนะนำเราว่า สบู่ที่เราทำสามารถใส่อะไรก็ได้ที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็นสารบำรุงผิวทุกชนิด น้ำหอม สมุนไพร หรือสารเพิ่มความขาวต่าง ๆ นานา ซึ่งเราไม่เคยทำมาก่อน ก็เลยรู้สึกสนุกและชอบมาก จึงสั่งซื้อ ทุกอย่างที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็น สารบำรุงผิว หลายชนิดมาก น้ำหอมหลายกลิ่นมาก (โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบน้ำหอมแบรนด์เนมมากมาก และมากเป็นพิเศษ คือติดน้ำหอม ถ้าลืมฉีดน้ำหอมเหมือนชีวิตวันนั้นขาดอะไรไปซักอย่าง และเป็นคนสะสม น้ำหอม และขวดน้ำหอมด้วย ทั้งขวดเล็ก และขวดใหญ่ ) สมุนไพรด้วย หลังจากนั้นก็เริ่ม ทดลองทำหลายสูตร เพื่อทดลองว่าตัวเองชอบสูตรไหนมากที่สุด หรือสูตรไหนเหมาะกับตัวเองมากที่สุด สรุปผลปรากฎว่า สิ่งที่ชอบที่สุดคือสูตรน้ำหอม ผู้เขียนใช้ไม่ได้เกิดผื่นแพ้ จึงยกเลิกไป สูตรสมุนไพรก็แพ้ใช้ไม่ได้อีก จึงยกเลิกไป สูตรที่ใส่สารบำรุงเยอะ ๆ ก็ใช้ไม่ได้อีก จนสุดท้ายสรุปได้สูตรที่ใช้เองได้ และคนในครอบครัวสามารถใช้ได้ด้วย ก็คือสูตร เมือกหอยทากเกาหลี สูตรนมแพะ สูตรกาแฟและสูตรน้ำผึ้ง หลังจากนั้นก็ทำแค่สูตรที่ผู้เขียนใช้ได้ และคนอื่นสามารถใช้ได้ด้วย ก็ทำใช้เองมาเรื่อย ๆ และทำขายบ้างในเพจ ชื่อว่า SoapCafe By K.Kittiya ซึ่งตอนนั้นอยากทำเป็นคล้ายขนมหวานหรือเค้กเพื่อจะขายในคาเฟ่ แต่ปรากฎว่า คุณโควิดไม่ยอมหมดไปจากโลกใบนี้ และประเทศไทย เกิดระบาดหนักกว่าเก่า ผู้เขียนก็เลยหยุดทำสบู่ พอต้นปี 2564 ก็เลยเปลี่ยนมาทำอาชีพ ขายอาหารเดลิเวอรี่ ผู้เขียนไม่ได้ศึกษาไม่ได้วางแผนอะไรเลย คิดอยากทำก็เลยซื้อ แฟรนไชส์ อาหารเดลิเวอรี่ที่ดังติดตลาดแล้วมาทำ ชื่อ แบรนด์ร้านว่า สเต็กกินกับอาหารคลีน ช่วงนั้นเปิดแถวเมเจอร์รัชโยธินในศูนย์การค้าเสนาเซนเตอร์ ชื่อร้านสเต็กกินกับอาหารคลีนสาขาเสนาเซนเตอร์ ช่วงแรก ๆ ก็ขายดีมาก แต่ช่วงกลาง ๆ รัฐบาลก็สั่งปิดสั่งเปิดร้าน ห้างปิดบ้าง โควิดสายพันธ์ุใหม่ ๆ ระบาดหนักคนเสียชีวิตกันเยอะ และช่วงนั้นเจอวิกฤติหลายอย่างมาก ในส่วนของการทำร้านอาหาร ไม่ว่าจะเรื่อง วัตถุดิบขึ้นราคา แพคเกจจิ้งขาดตลาด วัตถุดิบหลักขาดตลาดเพราะโรงงานปิดเนื่องจากพนักงานติดโควิด ลูกน้องออกกระทันหัน เปลี่ยนพ่อครัวทำอาหารรสชาติกับปริมาณอาหารไม่เหมือนเดิม โดนลูกค้าคอมเพลนทุกครั้งที่เปลี่ยนเด็ก เลยต้องทำเอง แต่พอทำเองก็ทำไม่ทัน ไรเดอร์มายืนกดดัน มาบ่นมาต่อว่า บางคนก็นิสัยน่ารักมาช่วยซื้อของให้เวลาของหมด หรือช่วยเอาอาหารใส่ถุง แต่ไรเดอร์บางคนก็หัวร้อน แอพไม่ร้องไม่ดังก็มาด่าเรามาหวีนมาเหวี่ยงสารพัด แต่ก็ทนทำไปเพราะตอนนั้นยังไม่รู้จะทำอะไรดีในเมื่อลงทุนทำร้านเดลิเวอรี่ไปแล้วก็เลยต้องทนทำต่อ  แต่พอปลายเดือนสิงหาคม 2654 คุณพ่อป่วยติดเชื้อโควิด และเสียชีวิตภายใน 5 วันหลังจากเข้าโรงพยาบาลและอยู่ในห้องไอซียูตลอด 5 วัน และรวมทั้งผู้เขียนก็ติดเชื้อโควิดและเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลครบ 14 วัน และกลับมากักตัวที่บ้านอีกเป็นเดือน ช่วงนั้นก็เลยรู้สึกเหมือนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว เพราะคุณแม่เสียไปช่วงกลางปี 2562 คุณพ่อมาเสียกลางปี 2654 อีก ก็เลยไม่อยากที่จะทำอะไร ที่ร้านก็ไม่ได้ดูแลให้ลูกน้องช่วยดูแลแทน ตอนนั้นเหมือนเป็นซึมเศร้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ มีเพื่อนสนิทที่เป็นหมอก็เตือนและบอกว่าอย่าเสียใจมากให้เวลาเสีใจแค่ 6 เดือนพอ เพราะเพื่อนที่เป็นหมอเค้าก็เสียพ่อแม่ไปหมดแล้วตั้งแต่ยังเรียนไม่จบหมอ แต่เราก็เหมือนยังทำใจไม่ได้ และเรื่องร้านอีกเริ่มมีปัญหาติดลบ มีหลาย ๆ อย่างมากดดันจนไม่อยากทำอะไร แต่ก็มีเพื่อนคนนึงที่คอยให้กำลังใจคอยคุยด้วยตลอดและให้เราสู้เพื่อตัวเองให้เรามีกำลังใจไม่ให้ท้อ แต่ตอนนั้นบางครั้งปัญหามันมาพร้อมกันหลายเรื่องจนบางทีก็ทำให้เราจากที่เป็นคนที่มีความสุขตลอดเวลา สนุกสนานร่าเริงกลายเป็นคนซึมเศร้าเก็บตัวไม่ยุ่งกับใคร อยากตายไม่อยากอยู่ ให้กลับมาอยู่เพื่อต่อสู้กับปัญหาที่ทุกคนในโลกนี้ต้องพบเจอ คล้าย ๆ กัน หรือบางคนอาจจะเจอหนักกว่าเราก็ได้ ดังนั้นผู้เขียนต้องขอขอบคุณเพื่อนคนนั้นที่คอยให้กำลังใจและเป็นเพื่อนที่ดีเสมอมาทุกวันนี้ และตอนนี้ผู้เขียนก็มีกำลังใจ และคิดว่าจะทำสิ่งที่ตัวเองรัก และทำอะไรตามความฝันของตัวเองที่ยังไม่เคยทำ หรือยังทำไม่สำเร็จ ก็จะเริ่มทำ และลงมือทำในตอนนี้ค่ะ ขอโทษผู้อ่านด้วยนะคะ ที่บทความนี้ยาวไปหน่อย แต่ก็อยากบอกว่า หลังจากผู้เขียนเริ่มมีกำลังใจและเริ่มกลับมามีชีวิตให้อยู่ให้ได้ หลังจากคุณพ่อคุณแม่ท่านได้จากไปหมดแล้ว ผู้เขียนก็ปิดกิจการร้านอาหารเดลิเวอรี่ไป และ ไปเรียนเป็นครูโยคะ 200 ชม. จาก My Peace Yoga และก็ทดลองทำสูตรสบู่สูตรใหม่ ไปเรื่อย ๆ จนมาได้สูตรที่คิดว่าชอบและตอบโจทย์ผู้เขียนได้มากที่สุดคือ สูตรกาแฟสครับบำรุงผิว นี่เอง ขอท้าวความอีกนิดนะคะ แรงบันดาลใจที่คิดทำสูตรนี้ขึ้นมาได้เนื่องจากว่า เคยซื้อ เมมเบอร์จากร้านสปาแห่งหนึ่ง มีหลายสาขาทั้งไทยและเวียดนาม และในสัญญาระบุว่า สัญญาไม่มีวันหมดอายุ สามารถใช้ได้ตลอดชีวิต ตอนนั้นผู้เขียนก็เลยซื้อไว้เป็นหลักแสน และเติมเงินเรื่อย ๆ เพราะตอนนั้นสปาอยู่ใกล้บ้าน แต่ว่าผู้เขียนไม่ได้ชอบนวดตัวเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ผู้เขียนเน้นไปขัดผิว ขัดตัว นวดหน้าที่สปาเพราะชอบแค่นี้ แต่ปรากฎว่า ช่วงโควิดเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา เราก็ไม่ได้ไปใช้บริการเพราะทางร้านโดนรัฐบาลสั่งปิด พอช่วงเปิดประเทศ ปลายปี 2564 ก็เลยจะกลับไปใช้บริการที่สปาร้านที่ทำเมมเบอร์ไว้ ปรากฎว่าร้านเดิมปิดกิจการไปแล้ว แล้วมีร้านใหม่มาเทคโอเวอร์ และผู้เขียนก็ไม่ได้เงินคืนแม้แต่บาทเดียว เลยทำให้คิดว่าใดใดในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนอีกแล้ว ดังนั้นตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เราจะทำยังไงดีในเมื่อเสียเงินไปเป็นแสนแต่เอาคืนไม่ได้ ก็เลยคิดว่าเราต้องหาวิธีดูแลตัวเอง ในยุคโควิด และต้องประหยัดเงินด้วย ต้องสวย และดูดี ด้วย เพราะใดใดไม่มีอะไรแน่นอนอีกแล้ว ขนาดคุณพ่อก่อนจะเข้าโรงพยาบาลแล้วเสียชีวิตยังไปขับรถเล่นหาของกินทานกันอยู่เลย แต่พอวันจะเสียชีวิตเราก็ยังไม่ได้ทันตั้งตัว หรือเหตุการณ์อื่น ๆ อีกมากมายที่อาจจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไรก็ได้ไม่มีใครรู้ ดังนั้นผู้เขียนจึงหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ตัวเองแข็งแรง มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์เพื่อไม่ให้เจ็บป่วยและเป็นภาระใคร ดูแลตัวเองในเรื่องการรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อตัวเอง รวมทั้งดูแลเรื่องผิวพรรรณเพื่ออยากให้ตัวเองดูดีและสวยสมวัยอยู่เสมอ เอาตรงๆ คือถึงจะอายุเยอะแต่ก็ไม่อยากแก่นั่นเอง อยากจะสวยตลอดกาล ดังนั้นผู้เขียนจึงนำส่วนผสมที่ได้ผ่านการทดลองทำแล้วทำอีก ทำซ้ำ และทดลองใช้เองกับตัวเอง กับครอบครัว กับเพื่อน กับผู้อื่นว่าเกิดผลลัพธ์ที่ดี ไม่เกิดการแพ้ ไม่เป็นอันตราย และสามารถให้คุณประโยชน์กับเราจริง ๆ ผู้เขียนจึงอยากให้ทุกคนได้ทดลองใช้สบู่กาแฟสครับบำรุงผิว MASSIMO เพราะว่าผู้เขียนได้ทดลองใช้และทำใช้เองจนรู้สึกว่าดีจริง จึงอยากส่งต่อให้ทุกคนได้ใช้ของดีที่ราคาไม่แพง และที่สำคัญเป็นสบู่ Handmade ที่ผู้เขียนทำเองกับมือทุกก้อน รวมทั้ง ออกแบบโลโก้ แพคเกจจิ้ง และบล็อกนี้ผู้เขียนก็ทำเองหมดทุกขั้นตอน จึงอยากส่งมอบสิ่งดีดีให้กับทุกคน และอยากให้ทุกคนได้ลองเปิดใจใช้ดู ว่าเป็นยังไงบ้าง และส่งข่าวบอกกันบ้างนะคะ และเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะคะ ผู้เขียนตั้งใจว่าจะนำเคล็ดลับดีดี ในเรื่องอื่น ๆ มาแบ่งปัน และทำสบู่กาแฟสครับบำรุงผิว MASSIMO นี้ไปเรื่อย ๆ ค่ะ  ขอขอบคุณทุกคนนะคะที่อ่านจนจบ หรือแค่แวะเข้ามาเจอกันก็ยินดีมาก ๆ ค่ะ วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนนะคะ สำหรับที่มาของ สบู่กาแฟสครับบำรุงผิว MASSIMO ค่ะ 






 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มาอัพเดทรูปใหม่กันค่ะ

 วันนี้มาอัพเดทรูปใหม่กันนะคะ พอดีเสาร์อาทิตย์นี้ไม่มีธุระไปไหน เลยทำรูปที่ลงขายใน  ร้าน shopee และก็เลยเอามาลงในบล็อกด้วยค่ะ เป็นยังไงบ้างค...